ศาสนาพุทธกับการดำรงชีวิต

ศาสนาพุทธกับการดำรงชีวิต


ในการดำเนินชีวิตของมนุษย์เราทุกวันนี้ ล้วนแต่อยู่ในความไม่แน่นอน ใครพลาดเป็นอาจเสียคนหรือเสียใจในภายหลังได้ การที่เราจะสามารถใช้ชีวิตได้โดยไม่พลาดพลั้งไปนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องมีหลัก และหลักที่ว่านั้นต้องเป็นหลักทางใจ หลักนี้เราต้องสร้างมันให้เกิดขึ้นจากตัวเรา และเมื่อสร้างได้แล้วเราต้องยึดมันให้แน่น เปรียบเหมือนบุคคลผู้ลอยอยู่ในทะเลลึก แล้วได้ขอนไม้มาพยุง ถ้าเราเผลอหรือยึดขอนไม้นั้นไว้ไม่แน่น เราอาจจะหลุดลอยและจมห้วงน้ำนั้นไปในที่สุด

กระแสกรรม

มนุษย์เราก็เช่นเดียวกันกับผู้ลอยอยู่ในทะเลลึกนั้น ไม่มีใครรู้ได้ว่าเราจะลอยออกไปไกลสักแค่ไหนจึงจะสิ้นสุด หรือลอยไปทิศทางใดเราก็ไม่อาจรู้ได้ ตามแต่ทิศทางลมในทะเลนั้นจะพัดจะพาไป กระแสลมในทะเลนั้นก็เปรียบกันได้กับ "กระแสกรรม" ที่จะคอยพัดพาบุคคลนั้นๆออกไป ฉะนั้นเราจงมาสร้างหลักให้เกิดขึ้นในใจกัน เพื่อจะได้เป็นที่ยึดเกาะมิให้เราจมลงในห้วงทะเลได้โดยง่าย

หลักกฏแหห่งกรรม

หลักใจที่ว่านั้นพระพุทธองค์ทรงชี้แนวทางไว้ให้พวกเราแล้วเมื่อ2500กว่าปีก่อน หลักที่ว่านั้นง่ายๆที่เราพอจะนำไปประพฤติกันได้ก็คือ "หลักกฏแหห่งกรรม" ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ไม่มีใครหลุดพ้นกฏแห่งกรรมนี้ไปได้ บางคนชีวิตตเกิดมาดีเป็นคนมีอำนาจ แต่กลับใช้อำนาจไปในทางที่ผิด ข่มเหงรังแกเขา เมื่อกฏแห่งกรรมตามมาถึงย่อมทำให้เขาได้รับความทุกยาก แต่ถ้าบุคคลใดยึดมั่นในการกระทำดี เมื่อถึงกาลเวลาที่เหมาะที่ควร เขาผู้นั้นก็จะได้รับความสุขอันเกิดแต่การกระทำดีนั้น และเป็นความสุขที่ถาวร ไม่มีใครมาปล้นจี้เอาไปได้ ฉะนั้น...เราจงตั้งใจทำความดี มีอะไรควรแบ่งปันจงหยิบยื่น มีอะไรช่วยเหลือได้พึงช่วย อย่าเห็นแก่ตัว อย่าคิดเอาแบบวัตถุนิยม เรื่องของดนตรีก็เช่นเดียวกัน เราเรียนรู้อะไรมา สอนเขาได้พึงสอน ถึงแม้เราจะเรียนรู้มาด้วยการเสียเงินทองของสงวนเพื่อไปเรียนมาก็ตาม ความสุขที่เกิดจากการให้ย่อมสุขกว่าการรับ....ทำดี

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

สัมมาคารวะ หมายถึงอะไร

ทำนายความฝันว่าได้บวชเป็นพระ

ศาสนาพุทธกับการเกิดมนุษย์