บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก พฤษภาคม, 2018

สัมมาคารวะ หมายถึงอะไร

รูปภาพ
สัมมาคารวะ หมายถึงอะไร สัมมา แปลว่า ถูกต้อง คารวะ คือ เคารพ คำว่า สัมมาคารวะ คือความเคารพที่ถูกต้อง คำว่า " เคารพ" นั้น ไม่ได้แปลว่า กราบ ๆ ไหว้ ๆ แต่แปลว่า มีปัญญามากจนกระทั่งแลเห็นคุณงามความดีที่มีอยู่ในตัวผู้อื่นได้อย่างชัดเจน เหมือนนักเคมีที่เขามองเห็นคุณสมบัติของแร่ธาตุของโลหะ ต่าง ๆ อย่างชัดเจนแล้ว เขาก็สามารถนำแร่ธาตุต่าง ๆ ไป ใช้ประโยชน์ในการทำงานของเขาได้ คนที่มีคารวะ คือ คนที่เล็งแลเห็นคุณงามความดี่ที่มีอยู่จริง ๆ ในตัวผู้อื่น แม้จะอายุน้อยกว่าก็ตามแล้วปฏิบัติตัวเองต่อผู้นั้นได้อย่างถูกต้อง สามารถถ่ายทอดเอาความดีเหล่านั้นมาใส่ตัวเองให้ได้ ใครที่มองคุณงามความดีของพ่อม่ ครูบาอาจารย์ พี่ป้าน้าอา ผู้ที่ทำงานอยู่ด้วย ถ้ามองไม่เห็นไมใช่ตาบอดแต่ใจมันบอด ถึงแม้จะอยู่ในวัดปฏิบัติธรรมในวัด ก็คงไม่มีสิทธิ์จะเห็นธรรมมะได้ สัมมาคารวะจึงไม่ได้หมายความถึงเพียงการแสดงความเคารพนบนอบผู้ใหญ่เท่านั้น ยังหมายถึงการเล็งเห็นคุณธรรมความดีของผู้อื่นแล้วนำมาเป็นแบบอย่างปฏิบัติตาม ทำตามอีกด้วย เพราะฉะนั้นก็ขอให้ทุกคนพิจารณาตัวเอง ถามตัวเองดูว่ามีสัมมาคารวะแล้วหรื...

ทำนายความฝันว่าได้บวชเป็นพระ

ฝันว่าได้บวชเป็นพระ การบวชเป็นพระถือเป็นการตอบแทนพระคุณพ่อแม่ที่เลี้ยงดูเรามา หาก ฝันว่าได้บวชเป็นพระ   ทำนายได้ว่า   การใช้ชีวิตช่วงนี้จะมีคนแปลกหน้าเข้ามาซึ่งในช่วงนี้ไม่ควรนำคนนอกเข้ามาในบ้านเด็ดขาดเพราะคนที่พาเข้ามานั้นจะมาสร้างความเดือดร้อนให้ผู้ใหญ่ในบ้าน  ในด้าน เงิน - การงาน ระวังนิสัยการใช้เงินเกินตัวของคุณจะสร้างความเดือดร้อนให้ตัวคุณเอง คนที่กำลังหางานใหม่จะมีข่าวดี ความรัก ถึงเวลาเสียทีที่คนที่มีคู่จะได้แต่งงานหลังจากผ่านเคราะห์กรรมต่างๆมาด้วยกัน คนโสดก็ระวังเอาตัวเองไปเป็นมือที่สามของคนอื่น ที่มา ทำนายความฝัน  https://www.horoscope159.com/ https://horoscope.mthai.com/

ความฝันกับเรื่องของจิต

ความฝันกับเรื่องของจิต การศึกษาเรื่องความฝันเป็นการศึกษาเรื่องของจิต เพราะความฝันคือ การนึกเห็นภาพเป็นเรื่องเป็นราว ในเวลาเรานอนหลับ อันความฝันนี้จะเกิดเฉพาะกับผู้มีกิเลสเท่านั้น ซึ่งก็คงไม่มีใครปฏิเสธว่า ไม่เคยฝัน เพียงแต่ว่า จะจำฝันนั้นได้หรือไม่เท่านั้น ส่วนที่ว่า ควรจะเชื่อความฝันนั้นหรือไม่ ? ในทางพระพุทธศาสนากล่าวว่า เหตุแห่งความฝันนั้นมี ๔ ประการคือ ฝันจากบุพพนิมิต  จิตวิวรณ์  เทพสังหรณ์  ธาตุวิปริต   ซึ่งลักษณะของความฝันก็มีทั้งที่เป็นกุศล อกุศล และอพยากฤต คือเป็นกลาง ๆ ฝันที่น่าจะเป็นจริงมากที่สุดคือฝันจากบุพพนิมิต เพราะเป็นการบอกอนาคตหรือเหตุการณ์ล่วงหน้าด้วยสัญญลักษณ์ต่าง ๆ ในฝันนั้น ส่วนจะแม่นยำแค่ไหนนั้น ขึ้นอยู่กับการตีความ แต่พระพุทธองค์ตรัสสอนไว้ว่า การยึดมั่นถือมั่นในความฝัน จะเป็นอุปสรรคต่อการพ้นทุกข์ ฉะนั้นการศึกษาครั้งนี้ จึงได้นำแนวคิด วิธีการในการทำนายฝันมาศึกษาด้วย เพียงชี้ให้เห็นว่า คนจะตีความฝันได้ จะต้องรู้ภูมิหลังของผู้ฝันเป็นอย่างดีก่อนเท่านั้น และอยากจะเน้นว่า ผู้ที่จะทำนายฝันได้ดีที่สุด คือ ตัวผู้ฝันเอง

ศาสนาพุทธกับการดำรงชีวิต

รูปภาพ
ศาสนาพุทธกับการดำรงชีวิต ในการดำเนินชีวิตของมนุษย์เราทุกวันนี้ ล้วนแต่อยู่ในความไม่แน่นอน ใครพลาดเป็นอาจเสียคนหรือเสียใจในภายหลังได้ การที่เราจะสามารถใช้ชีวิตได้โดยไม่พลาดพลั้งไปนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องมีหลัก และหลักที่ว่านั้นต้องเป็นหลักทางใจ หลักนี้เราต้องสร้างมันให้เกิดขึ้นจากตัวเรา และเมื่อสร้างได้แล้วเราต้องยึดมันให้แน่น เปรียบเหมือนบุคคลผู้ลอยอยู่ในทะเลลึก แล้วได้ขอนไม้มาพยุง ถ้าเราเผลอหรือยึดขอนไม้นั้นไว้ไม่แน่น เราอาจจะหลุดลอยและจมห้วงน้ำนั้นไปในที่สุด กระแสกรรม มนุษย์เราก็เช่นเดียวกันกับผู้ลอยอยู่ในทะเลลึกนั้น ไม่มีใครรู้ได้ว่าเราจะลอยออกไปไกลสักแค่ไหนจึงจะสิ้นสุด หรือลอยไปทิศทางใดเราก็ไม่อาจรู้ได้ ตามแต่ทิศทางลมในทะเลนั้นจะพัดจะพาไป กระแสลมในทะเลนั้นก็เปรียบกันได้กับ "กระแสกรรม" ที่จะคอยพัดพาบุคคลนั้นๆออกไป ฉะนั้นเราจงมาสร้างหลักให้เกิดขึ้นในใจกัน เพื่อจะได้เป็นที่ยึดเกาะมิให้เราจมลงในห้วงทะเลได้โดยง่าย หลักกฏแหห่งกรรม หลักใจที่ว่านั้นพระพุทธองค์ทรงชี้แนวทางไว้ให้พวกเราแล้วเมื่อ2500กว่าปีก่อน หลักที่ว่านั้นง่ายๆที่เราพอจะนำไปประพฤติกันได้ก็คือ ...

ศาสนาพุทธกับการเกิดมนุษย์

รูปภาพ
ศาสนาพุทธกับการเกิดมนุษย์ พระพุทธองค์ทรงตรัสเรื่องของการกำเนิดมาเป็นมนุษย์หรือคนเรานี้ไว้อย่างน่าสนใจ และน่าพิสวงยิ่งนัก เพราะเมื่อราว 2500 กว่าปีที่แล้วนั้น การแพทย์ยังไม่ก้าวหน้าไปมากเหมือนอย่างในสมัยปัจจุบันนี้ พระองค์ทรงเข้าไปรู้ถึงกระบวนการเกิดและการเจริญวัยแห้งความเป็นมนุษย์นี้ได้อย่างไร แม้แต่นักวิทยาศาสตร์ในยุคปัจจุบันก็ยังทึ่งในความรู้ของพระองค์ ไม่เชื่อลองอ่านกันต่อไป... พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ว่า... การที่มนุษย์จะถือกำเนิดเกิดมาเป็นตัวเป็นตนนี้ได้ต้องอาศัยปัจจัยหลัก 3 ประการคือ 1.มารดามีระดู 2.มารดาบิดาอยู่ร่วมกัน 3.มีสัตว์มากำเนิด. ปัจจัยหลัก 3 ประการนี้คือ 1.มารดามีระดู หมายถึง หญิงที่จะตั้งครรภ์ได้ต้องมีไข่ หรืออยู่ในภาวะที่ไข่ตก จึงจะสามารถตั้งครรภ์ขึ้นมาได้ 2.มารดาบิดาอยู่ร่วมกัน หมายถึง มีหญิง-ชายได้ร่วมประเวณีกัน เพื่อให้ไข่ของฝ่ายหญิงกับสเปอร์มของผู้ชายได้ผสมกัน 3.มีสัตว์มากำเนิด หมายถึง มีการจุติของวิญญาณ วิญญาณในที่นี้ก็คือ "ธาตุรู้"นั่นเอง ซึ่งเป็นตัวนามธรรม. ทั้ง 3 ประการนี้ต้องบริบูรณ์จึงจะสามารถมีการเกิดออกมาเป็นมนุษย์ได้ หากขาดข้อใดข้อห...